รวม ซีรีย์ กระแสแรงบนโซเชียล ซีรีย์ Netflix

ซีรีย์ Netflix   Thai Cave Rescue ถ้ำหลวง: ภารกิจที่ความมุ่งมาด เรื่องเล่าจากในถ้ำ เป็นการเปิดเผยเรื่องราวที่ทั่วทั้งโลกเคยมีความสนใจเรื่องราวที่สมาชิกกลุ่มบอลเยาวชน 13 คนทางภาคเหนือของเมืองไทยติดอยู่ในถ้ำที่อุทกภัยเมื่อกลางปี 2018 ข้างหลังติดอยู่ในถ้ำนานถึง 17 วัน ทุกคนก็ได้รับการวางยาสลบแล้วก็นำตัวออกมาได้ท้ายที่สุดในภารกิจช่วยเหลือสุดยอดครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งมีนักดำน้ำมาร่วมด้วยมากกว่า 90 คน แล้วก็สารคดีหัวข้อนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของเด็กๆแล้วก็ผู้ฝึกสอนที่เคยติดอยู่ในนั้น

มั่นใจว่าหลายท่านบางครั้งก็อาจจะรู้สึกเหม็นเบื่อกับการเปิดเผยเรื่องราวเหตุที่เคยเป็นการปรากฏการรวมจิตใจครั้งสำคัญของโลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งเคยเกิดขึ้นในปี 2561ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จังหวัดจังหวัดเชียงราย ด้วยเหตุว่าพวกเราได้มองเห็นอีกทั้งหนังแล้วก็ซีรีส์เยอะแยะถูกทำออกมามากมายก่ายกองเยอะไปหมด แล้วก็นี่ก็คือหนังเรื่องปัจจุบันที่เอามาออกเสิร์ฟ “13 หมูป่า: เรื่องเล่าจากในถ้ำ” หนังสารคดีที่มีข้อดีแล้วก็ต่างจากเรื่องอื่นๆเพราะเหตุว่านี่เป็นเรื่องราวจากมุมมองแล้วก็สายตาของผู้เผชิญเหตุในถ้ำนั้นจริงๆที่ยังไม่เคยมีที่ใดเผยมาก่อน

อีกหนึ่งผลงานแรงดลใจจากสถานะการณ์จริงระดับนานาชาติที่เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่าง 13 ชีวิตกลุ่มหมูป่าที่ถ้ำหลวง และก็หากว่าตามส่วนประกอบการผลิตนี่บางทีอาจเป็นโปรเจกต์ที่น่าคาดหมายมากมาย ไม่ได้แตกต่างจากชื่อภาษาไทยของซีรีส์ที่ว่า ‘ภารกิจที่ความคาดหวัง’ อะไรเลยไม่ว่าจะได้ผลสำเร็จงานจากเน็ตฟลิกซ์ที่ทุ่มทุนไปสู้ล่าลิขสิทธิ์เรื่องราวถ้ำหลวงผ่านทางรัฐบาลไทย เป็นได้เรื่องราวฝั่งคนภายในพื้นที่แบบเต็มกำลังเพียงแค่เจ้าเดียว ซึ่งแต่ว่าเริ่มมันก็เป็นดาบสองคมที่กลุ่มสร้างรับมาถือไว้

มองดูในทางหนึ่งมันจะน่าดึงดูดรวมทั้งบริบูรณ์มากมายแม้ดราม่าฝั่งเด็กรวมทั้งครอบครัวดำเนินงานดี แล้วก็เรื่องราวของพวกเขาน่าดึงดูดพอเพียงจะหามหนังให้คนอิน โดยไม่ต้องไปแข่งขันกับเรื่องภารกิจการช่วยชีวิตมากสักเท่าไรนักโดยผู้กำกับดังอย่าง จอน เอ็ม. ยก (Jon M. Chu) จาก ‘Crazy Rich Asians’ (2018) มารับบทโปรเดิวเซอร์ แล้วก็ปรับปรุงบทซีรีส์ด้วยคู่คิดคนเขียนมากมายความสามารถเป็น ไมเคิล รัสเซล กันน์ (Michael Russell Gunn) รวมทั้ง ดานา เลอดูกซ์ ไม่ลเลอร์ (Dana Ledoux Miller) ที่เคยส่งผลงานนิพนธ์บทซีรีส์สุดยอดทั้งยังใน ‘The Newsroom’ รวมทั้ง ‘Designated Survivor’ มาแล้ว

และก็เพื่อเติมเต็มความแข็งแกร่งจากมุมมองแบบคนประเทศไทยที่มีความสากลด้วย ซีรีย์ Netflix   ก็เลยไปดึงผู้กำกับไทยที่ผลงานกำลังอยู่ในตอนที่ขึ้นหม้อสุดอย่าง บาส-นัฐวุฒิ พูนคนกล้า จาก ‘เฉลี่ยวฉลาดเกมส์คดโกง’ รวมทั้ง ‘One For The Road วันสุดท้าย..ก่อนบายคุณ’ มาผลัดมือกันดูแล กับผู้กำกับระดับอินเตอร์เชื้อสายไทย เควิน ตันก้าวหน้า จาก ‘Agents of S.H.I.E.L.D.’ โดยได้ดาราหนังชั้นแนวหน้าฝั่งไทยอย่าง ญาญ่า – อุรัสยา เสปอร์บันด์ แล้วก็ผู้แสดงฝ่ายชายผู้ตายที่เคยส่งผลงานเด่นในอินเตอร์เน็ตฟลิกซ์อย่าง บีม-ปภัขี้งกร กาลเฉลิมถ้อยคำ มาร่วมนำแสดงด้วย

ซีรีย์ Netflix 

การเปิดเผยเรื่องราวที่ทั่วทั้งโลกเคยมีความสนใจเหตุที่สมาชิกกลุ่มบอลเยาวชน 13 คนทางภาคเหนือของเมืองไทยติดอยู่ในถ้ำที่อุทกภัยเมื่อกลางปี 2018 ข้างหลังติดอยู่ในถ้ำนานถึง 17 วัน ทุกคนก็ได้รับการวางยาสลบและก็นำตัวออกมาได้ท้ายที่สุดในภารกิจช่วยเหลือสุดยอดครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งมีนักดำน้ำมาร่วมด้วยมากกว่า 90 คน รวมทั้งสารคดีประเด็นนี้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวจากมุมมองของเด็กๆรวมทั้งผู้ฝึกสอนที่เคยติดอยู่ในนั้น

จากเรื่องราวจริงสุดดังหนังสารคดีประเด็นนี้เป็นฝีมือของนักสร้างภาพยนตร์สารคดีสาวคนประเทศไทย “ไพลิน วีเดล” ที่เคยแจ้งกำเนิดแล้วก็บรรลุเป้าหมายจากผลงานแจ้งกำเนิด อย่าง Hope Frozen เมื่อไม่กี่ปีกลาย แน่ๆว่าหนังหัวข้อนี้เป็นการเล่าที่ทุกคนคงจะรู้ไทม์ไลน์กันดีอยู่แล้วว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างแล้วก็อะไรจะเกิดขึ้นเป็นลำดับถัดไป ทั้งจุดหมายปลายทางของหนังจะออกมาเป็นเยี่ยงไร เป็นการเล่าวนบ่อยๆเรื่องเดิมที่สุ่มมีความเสี่ยงต่อการเป็นหนังที่จำเจThe Trapped 13 ก็มีสิ่งที่เป็นไฮไลต์ต่างจากหนังเรื่องอื่นๆก็คือนี่เป็นครั้งแรกที่ได้พาสมาชิกกลุ่มบอลหมูป่า

อค้างเดมี่ ที่เคยเผชิญเหตุในคราวนั้น มานั่งเสวนาและก็เล่าถึงเหตุที่เกิดขึ้นในถ้ำหลวงจากมุมมองแล้วก็ประสบการณ์ตรงของพวกเขาเอง ซึ่งเป็นมุมมองที่มั่นใจว่ายังไม่เคยมีหนังเรื่องใดเคยเผยแพร่มุมนี้มาก่อนและก็โน่นก็ถือได้ว่าอีกหนึ่งคุณลักษณะเด่นที่น่าดึงดูดที่สุดของหนังสารคดีประเด็นนี้ ด้วยเหตุว่าสิ่งที่พวกเขาที่เคยเผชิญเหตุมาพร้อมกับตนเอง ได้นั่งแล้วก็เล่าเกี่ยวกับรายละเอียดที่จะต้องเจอหน้ามาจากปากพวกเขาเอง ทั้งยังหนังยังเลือกพรีเซ็นท์ที่แทบจะไม่สัมผัสหลักสำคัญเชิงระบบและก็การบ้านการเมืองต่างๆเลย แต่ว่าเน้นย้ำเสนอมุมมองเชิงรากต้นหญ้า

ย้ำแนวความคิดของเด็กที่เจอเหตุและก็ความรู้สึกจากบิดามารดาผู้ดูแลเป็นหลักThe Trapped 13 หัวข้อนี้ บางทีก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในส่วนประกอบที่ใช้ประโยชน์ต่อยอดและก็ประกอบสำหรับในการสร้างซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ เรื่องปัจจุบัน อย่าง Thai Cave Rescue (ถ้ำหลวง: ภารกิจที่ความคาดหวัง) ที่มีเนื้อหาที่ละเอียดในอีกมุมมองที่สัมผัสได้เข้าถึงผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะเต็มไปด้วยเรื่องเล่าที่ซ้ำๆซากๆเยอะไปหมด แต่ว่าปัญหาของหนังก็คือจะไปในแนวทางไหนที่ยังล่อใจความพึงพอใจได้

แม้ว่าหนังสารคดีฮอลลิวูด อย่าง The Rescue เมื่อปีก่อน  ซีรีย์ Netflix  เป็นเยี่ยมในความยอดเยี่ยมสำหรับในการเล่าถึงมุมเชิงปฏิบัติการช่วยเหลือเด็กๆออกมาจากถ้ำ หนังสารคดี The Trapped 13 ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมที่สุดยอดสำหรับเพื่อการพรีเซนเทชั่นมุมมองของผู้เจอเหตุตัวจริง เป็นคุณลักษณะเด่นเป็นมุมมองและก็ประสบการณ์ของผู้ที่ติดอยู่ในถ้ำจริงๆผ่านแนวความคิดที่คนสามัญยังไม่รู้จักมาก่อนว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่ในเวลาที่ติดอยู่ในนั้น

บางทีก็อาจจะยังไม่ใช่หนังสารคดีที่มีส่วนประกอบที่เพอร์เฟ็คในทุกๆด้าน องค์ประกอบและก็การเล่าเรื่องก็ยังซ้ำๆซากๆอยู่ตามสูตรสำเร็จของส่วนประกอบเรื่องเดิมๆแต่ว่าขั้นต่ำหนังก็ได้เลือกเสนอมุมมองที่โลกยังไม่เคยได้ทราบมาก่อน รวมทั้งโน่นก็เป็นจุดที่เวิร์กของหนัง กับเคลื่อนตัวหนังได้อย่างทรงอำนาจ ตั้งแต่จุดเริ่มแรกจนกระทั่งที่หมายของเรื่องคราวนี้

 

Athena อเธน่า

เรื่องราวเริ่มดูเหมือนจะสงบนิ่งต่อการจากไปของน้องชายของ Abdel ที่กำลังยืนแถลงข่าวโดยมีตำรวจแล้วก็นักการเมืองประชิดข้าง เขาบอกว่ากำลังรอคอยข้างตำรวจสอบสวนเพื่อนำตัวคนฆ่าน้องชายเขามารับโทษ และก็ขอให้ผู้คนอยู่ในความเงียบสงบ “เพื่อรำลึกถึง Idir เพื่อน้องชายผม ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบเงียบ พวกเราจะจัดงานเดินระลึกในวันพรุ่ง” Abdel กล่าวจบท้าย แต่ว่าภายใต้ความสงบเงียบอันเศร้าโศกนั้น ยังมี Karim รวมทั้งฝูงคนแบบใหม่ที่อเธน่าที่สะสมความแค้นที่เหลือเฟือเอาไว้ เขาตกลงใจเริ่มปะทะกับกองตำรวจด้วยการโยนขวดน้ำมันก่อไฟแล้วบุกใน

โรงพักเพื่อลักขโมยเอกสารรวมทั้งอาวุธ และก็ตั้งแต่แมื่อหนังเปิดเรื่องมาในช่วง 10 นาทีแรก ความเดือดระทึกแบบไม่มีพักก็เกิดขึ้นแบบตลอดโดยไม่มีสั่งคัตถึงแม้มนต์ดีเลิศในโลกภาพยนตร์ที่สะกดความพึงพอใจให้แก่ผู้ชมอย่างวิธีการถ่ายแบบสม่ำเสมอในหนึ่งเทค หรือที่เรียกกันกล้วยๆว่า Long Take จะไม่ใช่ของใหม่ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่ว่ามันเกิดขึ้นแบบแจ่มชัดหนแรกตั้งแต่ปี 1948 ในรูปภาพยนตร์เรื่อง Rope ของ Alfred Hitchcock แต่ว่า Athena ก็เลือกใช้แนวทางนี้สำหรับเพื่อการเล่าของการสู้รบขนาดเล็กนี้ รวมทั้งถึงแม้สเกลของการถ่ายทำแบบ Long Take

จะไม่ยิ่งใหญ่เท่า The Revenant (2015) หรือ 1917 (2019) แต่ว่าก็ถือว่าเป็นความเด็ดเดี่ยวของคณะทำงานที่นำเอามุมมองที่เกี่ยวกับการบ้านการเมือง เชื้อชาติ แล้วก็ความทัดเทียม ที่มันสนิทสนมกับบริบทแบบปัจจุบันนี้อย่างใหญ่โต มานำเสนอด้วยเคล็ดวิธีที่มั่นใจว่ามันจะมีผลให้มองเหมือนจริงมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อการประชุมคัดค้านเปลี่ยนเป็นปัญหาภายในสังคมในยุคนี้การรวมกันคัดค้านแปลงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสังคมที่เชื่อมโยงกับทุกมิติทางด้านสังคมไปด้วย ซึ่งในประเทศฝรั่งเศสเองก็มีการคัดค้านสม่ำเสมอช้านาน คัดค้านในเกือบทุกเรื่อง

ซึ่งนับว่าเป็นสิทธิเบื้องต้นของสามัญชนตามระบบประชาธิปไตย   ซีรีย์ Netflix   แม้กระนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือการต่อต้านที่แผ่ขยายแย่ลงกว่าเดิมแปลงเป็นโกลาหลอยู่หลายครั้ง ซึ่งในไทยเองก็ตามรอยมาติดๆเหมือนกัน ตัวหนังประเด็นนี้ทางผู้ผลิตก็เลยเสมือนอยากเซ็ตเลียนแบบเรื่องราวกระตุกสังคมให้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังตัวเรื่องเปิดมาก็เป็นไม่มีปูอะไรให้ผู้ชมได้มองเห็นคลิปที่มาที่ว่าเลย แม้กระนั้นเป็นการที่คนคัดค้านบุกโรงพักเพื่อลักขโมยปืน ก่อความร้ายแรง เอาชุมชนที่อยู่ที่อาศัยในเขตนั้นที่เป็นชุมชนย่ำแย่อยู่แล้วมาเป็นป้อมต่อสู้กับตำรวจ

โดยสร้างเงื่อนไขให้เอาคนผิดมาประหาร แม้กระนั้นตำรวจก็ยืนกรานว่าเป็นพวกขวาจัดที่เลียนแบบเป็นตำรวจ โดยมีตัวแกนนำเป็นพี่ชายสองคนของน้องที่ตายไป แล้วเลือกยืนคนละฝั่ง คนหนึ่งบากบั่นช่วยตำรวจหาคนผิดเพื่อม็อบสงบ อีกคนอุตสาหะปลุกปั่นความร้ายแรงเพื่อตำรวจดำเนินการ ซึ่งทั้งยังเรื่องแทบไม่มีเรื่องราวราวอะไรมากยิ่งกว่านี้ จะเรียกว่าเกือบจะกลวงโบ๋เลยก็ได้ ด้วยเหตุว่าแทบจะไม่มีหลักสำคัญอะไรให้มองเห็นแตะต้องได้จริงๆนอกเหนือจากเพียงแค่ความหัวร้อนของผู้แสดงในเรื่องที่ไม่ค่อยสมเหตุผลมากแค่ไหน

ประเด็นนี้ก็มีคุณลักษณะเด่นอยู่ที่การเลียนแบบฉากเรื่องราวต่อต้านร้ายแรงสม่ำเสมอปะทะกับตำรวจได้อย่างน่าดึงดูด ตั้งแต่ฉากแรกที่เป็นการบุกโรงพักทำลายเงินทองชิงทรัพย์สิ่งของเครื่องใช้อาวุธของตำรวจไปตั้งป้อมทำม็อบ หรือฉากการเผชิญหน้าตบตีกันในเรื่อง ที่ข้างตำรวจก็มีตะบอง ลูกกระสุนยาง ม็อบมีดอกไม้เพลิงไฟ ขวดระเบิดเพลิง ตัวหนังสร้างฉากเหล่านี้ออกมาตลอด กระทั่งเรียกว่าแทบแทนการเดินเรื่องจริงๆไปเลย รวมทั้งทำออกมาได้บีบคั้น มีอารมณ์ปะทุ คลุ้มคลั่ง อ่อนล้า ความหวาดกลัว ของทั้งสองฝ่ายแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

และก็ถ้าเกิดคนใดมีระบบระเบียบเสียงแยกแนวทางนี่ยิ่งดียิ่งขึ้นไปอีกเพราะเหตุว่าเสียงเล็กๆน้อยวิ่งไปๆมาๆวุ่นวายมากมาย ซึ่งตัวเรื่องก็มานะทำฉากพวกนี้ออกมาให้ไม่เหมือนกัน เป็นอีกทั้งการเลียนแบบยุทธวิถีต่อสู้ของตำรวจกับม็อบ การจับรับรองมาต่อรอง ไปจนกระทั่งการวางระเบิดด้วยถังแก๊ซในครอบครัว กระทั่งราวกับหนังที่ปรารถนาขายความร้ายแรงหนำใจออกมาให้มองเห็นมากยิ่งกว่าการสะท้อนสังคมถึงปัญหาม็อบ

รวมทั้งเนื่องจากว่าเรื่องเกือบจะพรีเซ็นท์แต่ว่าฉากการเผชิญหน้ากันของม็อบกับตำรวจ ส่วนท้ายเรื่องก็เลยราวกับเพียรพยายามหาทางลงซุกซนๆตัวเรื่องก็เลยจบลงแบบง่ายๆตบท้ายไว้ด้วยความร้ายแรงสักหน่อยจบท้าย ก่อนที่จะฉายคลิปที่คือปัญหาให้มีความคิดเห็นว่าคืออะไร และจากนั้นก็เฉลยคำตอบแบบชี้แนะเลยว่า ความร้ายแรงแบบในเรื่องอาจจะมีการเกิดได้อย่างง่ายๆจากมือที่ 3 โดยมีโซเชียลมารอช่วยเหลือให้สถานะการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้นเรื่อยด้วยด้วยเหมือนกัน

ผลงานของผู้กำกับ “โรแมง มึงฟราส” ที่จำต้องพูดว่าไม่ค่อยคุ้นกับผลงานสักเท่าไหร่ ซีรีย์ Netflix   เนื่องจากเขาเองก็พึ่งดูแลหนังยาวมาก่อนหน้านี้เพียงแค่ 2 เรื่อง บางครั้งอาจจะคุ้นๆกับ The World Is Your แม้กระนั้นก็ยังไม่มีช่องทางได้มอง สไตล์งานของผู้กำกับรายนี้ชอบจับเอาหัวข้อดราม่าอาชญากรรมมาเล่นอยู่เป็นประจำและก็การมาของ Athena ก็ดูอย่างกับว่าจะยังไม่ทิ้งลวดลายแบบเฉพาะของเขาอาทิเช่นเดียว

ผู้กำกับที่รับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังหัวข้อนี้ จัดว่าหยอดใส่ไอเดียแนวกระทบกระทั่งกับด้านเสี่ยงบอบบางเกี่ยวกับแวดวงผู้ทักษ์สงบราษฎร์ของประเทศฝรั่งเศสใส่เข้ามา ซ้ำยังแทรกสอดใจความสำคัญความไม่ถูกกันภายในประเทศของประเทศฝรั่งเศส ที่สะท้อนให้มองเห็นถึงปัญหาความแตกต่างและก็การสนใจทางด้านการเมืองในแนวความคิดที่ต่างกัน ซึ่งเป็นเงื่อนสะสมในสังคมบ้านเขามายาวนานตั้งแต่ในสมัยก่อน

ข้อความสำคัญเรื่องความไม่เหมือนด้านเชื้อชาติรวมทั้งศาสนาหนังยังถือใส่หัวข้อเรื่องความต่างด้านเชื้อชาติและก็ศาสนาที่สะท้อนถึงกรุ๊ปผู้หนีภัยที่มีปริมาณมากขึ้นในประเทศ ท่ามกลางการสู้รบตบมือกับกรุ๊ปที่มองไม่เห็นถูกใจและก็ดูถูกเชื้อชาติภายในประเทศ หล่อรวมออกมาเป็นหนังความปั่นป่วนสุดเข้มข้น ที่สะดุดตาด้วยลีลาท่าทางการเล่าเรื่องแล้วก็ส่วนประกอบการผลิตที่สร้างความละลานตาให้กับผู้ชมตลอดระยะเวลาชั่วโมงกว่าๆของหนังหัวข้อนี้ โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้ลูกกระสุนปืนดอกไม้ไฟที่แปลงเป็นซีนที่มีชีวิตชีวาที่ดุดัน

แน่ๆว่าคุณลักษณะเด่นของ Athena ก็คือการใช้วิธีการเล่าแบบทดลองเทค (long take) ที่ลากช็อตยาวๆต่อเนื่องกันไปในเรื่องราวนั้น แม้ว่าจะมิได้ใช้แนวทางยาวย้วยไปตลอดทั้งเรื่อง แม้กระนั้นก็จัดว่าอยู่ในจังหวะจะโทนที่ออกจะถูกใจ ไม่ใช่เป็นการแออัดฉากวันเทคแบบขาดๆเกินๆให้กับผู้ชมมากจนเกินความจำเป็น จนกระทั่งเสียอรรถรสรวมทั้งความเกี่ยวเนื่องของหนัง

หนังยังมีการตัดต่อเข้ามาช่วยเสริมอยู่บ้าง เพราะว่าจะเลือกจุดโฟกัสที่ผู้แสดงราว 3-4 ตัวเป็นหลัก ถ้าหากบอกกันตามจริงนั้น เคล็ดวิธีทดลองเทคแบบนี้ก็มีอีกทั้งข้อดีขอเสียผสมกันไปในหนังหัวข้อนี้ อย่างต่ำๆหนังก็จัดว่าเล่าออกมาได้สนุกสนานแล้วก็บิ้วท์อารมณ์ผู้ชมได้เป็นลำดับขึ้นเรื่อยไปถึงที่หมายที่พีตไปถึงขนาดสุด รวมทั้งวันเทคก็นับได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่ตื่นเต้นผู้ชมได้อยู่

แต่ข้อเสียของการใช้ทดลองเทคเป็นประจำแบบนี้นั้น ก็เป็นการไม่มีค่าหนังไปในตัวอาทิเช่นเดียว ในส่วนของการถ่ายทอดมุมมองของหนังที่ค่อนข้างจะเกือบจะเหลือเกิน และก็บางจุดก็ค่อนข้างจะซ้ำๆซากๆและไม่ค่อยน่าสนใจจิตใจได้สักเท่าไหร่ และก็บางทีก็อาจจะเป็นเงื่อนที่ทำให้ในบางช่วงของหนังมองค่อนข้างจะน่ารำคาญ และก็ผู้ชมก็ไม่อาจจะจับได้ทันว่าที่ไหนของหนังเป็นหลักแหล่งสำคัญกันแน่ ด้วยเหตุว่ามองสไตล์เรื่องราวกับจะเล่าไปเรื่อยตามทางของมุมภาพทางการด้านของแสดงนั้น แม้จะไม่เคยรู้จักรวมทั้งมองผลงานการแสดงของผู้แสดงกลุ่มนี้มาก่อนก็ตาม แม้กระนั้นก็จัดว่าพวกเขาถ่ายทอดอารมณ์แล้วก็อินเนอร์ได้ออกจะถูกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ดาลิ เบนซ์ซาลาห์

” ศิลปินชายหนุ่มลูกครึ่งแอลจีเรีย ที่แปลงเป็นผู้แสดงที่แบกรับหนังอีกทั้งเรื่องไปได้สุดทาง เหมือนกันกับศิลปินใหม่ “ซามี ซลีมาน” ที่เป็นงานเดบิวต์ที่น่าประทับใจของเขาทีเดียวองค์ประการโปรดักชั่นวางแบบของ Athena นับว่าน่าคลั่งไคล้อยู่ไม่น้อย หนังเต็มไปด้วยฉากปะทะของเหตุความวุ่นวาย แล้วก็จำต้องวางบล็อกกิ้งต่างๆออกมาได้เป๊ะตามสูตรสำเร็จของการถ่ายทำแบบวันช็อต รวมทั้งพวกเขาก็ร้อยเรียงแต่ละฉากออกมาได้ค่อยข้างบริบูรณ์ อีกทั้งภาพแล้วก็แสงสีต่างๆจัดได้ว่าจัดวางออกมาได้อย่างน่าประทับใจ มีความเป็นละครเวทีนิดๆในหนังอลหม่านที่เดือดพอได้

 

Monster: The Jeffrey Dahmer Story

หัวข้อนี้สร้างมาจากความจริงของคดีฆาตกรโรคจิตสมญานามมนุษย์กินมนุษย์ของอเมริกาที่ดังที่สุด  ซีรีย์ Netflix   ซึ่งก็เคยมีทำออกมาก่อนหน้านั้นแล้วเป็นสารคดีและก็เวอร์ชั่นหนัง ซึ่งย้ำที่เรื่องของตัวคนร้ายโดยตรง แม้กระนั้นประเด็นนี้ต่างออกไป เกิดเรื่องราวหลายมุมมองของคดีนี้ จากตัวผู้ที่เกี่ยวเนื่องจริงๆอย่าง คนเป็นเหยื่อรวมทั้งครอบครัวของเหยื่อ บิดามารดา เพื่อนบ้าน รวมทั้งตัวเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ จากทั้งยังก่อนจะถูกจับ รวมทั้งข้างหลังถูกจับวินิจฉัยอยู่ในตาราง ที่เขาแปลงเป็นคนที่ใครๆก็รู้จักที่สุดของอเมริกาในตอนนั้น

เรื่องราวในซีรีส์เริ่มจากขณะที่เขากำลังก่ออาชญากรรมท้ายที่สุดก่อนจะบกพร่องรวมทั้งโดนตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ เป็นการปูเรื่องราวที่เริ่มจากคำกล่าวให้การของเขา ซึ่งเป็นคนร้ายที่รับทุกสิ่งที่ทำลงไป มีบัตรประจำตัวประชาชนของเหยื่อที่เขาเก็บสะสมไว้ครบ เรื่องราวในคดีนี้ก็เลยมิได้มีคนตกหล่นหายไปไหน และก็เป็นการเริ่มเรื่องย้อนกลับไปยังสมัยก่อนตอนเด็ก ตรวจว่าอะไรเพราะเหตุไรเขาก็เลยเปลี่ยนมาเป็นคนร้ายได้ ซึ่งตัวอีวาน ปีเตอร์ส เล่นเองทั้งสิ้นตั้งแต่เด็กมัธยมจนกระทั่งวัยทำงาน (ละเว้นเพียงแค่ตอนประถมที่ใช้ดาราหนังเด็กสั้นๆ)

ก็บางครั้งอาจจะมองแปลกๆบางส่วนที่ดาราโตกว่าวัยเรียนมากมาย แต่ว่าก็หยวนๆเพียงพอละเลยได้ เนื่องจากว่าเรื่องอยากที่จะให้มองเห็นความเจริญชีวิตของเขา ซึ่งรวมๆเป็นครอบครัวขาดความอบอุ่น บิดามารดาไม่อยู่ดูแลลูก จนถึงส่งผลให้เกิดการตัดสินใจชีวิตที่บกพร่อง และก็แปลงเป็นจุดเริ่มต้นของการฆาตกรรมจากไม่ตั้งใจ เปลี่ยนมาเป็นรสนิยมฆ่าเหยื่อแล้วเปลืองที่เขาเองห้ามตนเองมิได้ในประเด็นนี้ไม่ได้มีการถ่ายทอดเนื้อหาความทารุณโหดร้ายของคดีสิ่งเดียว แม้กระนั้นชี้ให้เห็นว่าอันที่จริงแล้วดาห์เมอร์เองก็ไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องแบบรายอื่นๆที่มักเป็นโกรธแค้นเมื่อโดนจับ

ซีรีย์ Netflix 

หรือแฮปปี้กับการเล่าเรื่องต่างๆแต่ว่าตรงกันข้ามเลยเขาเป็นคนมีระเบียบเรียบร้อย ร่วมมือกับตำรวจทุกๆอย่าง มีความรู้สึกไม่ถูกกับสิ่งที่ทำลงไป ไม่ต่อสู้คดีว่าตนเองบ้าหากแม้ทนายความจะอยากที่จะให้ทำ สิ่งที่ซีรีส์ให้มองเห็นเกือบจะเป็นการฟอกตัวให้ผู้ชมรู้สึกแอบเห็นอกเห็นใจเขาอยู่บ้าง ซึ่งจัดว่าแปลก แต่ว่าซีรีส์ก็สุจริตต่อเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นครับผม และก็ตัวอีวานเองก็เล่นได้อย่างน่าสงสารตามเรื่องตามราวที่เกิดขึ้นจริงนี้ด้วย ดูแล้วรู้สึกเห็นใจเขามากยิ่งกว่า ด้วยเหตุว่าจุดสิ้นสุดของดาห์เมอร์เองในเรือนจำก็ไม่สวยนัก หากแม้เขาจะบากบั่นดำเนินชีวิตตามมีตามเกิดให้เหมาะสมที่สุดในระยะนี้รวมทั้งตาม

ตัวซีรีส์ยังมีตัวละครสำคัญอีกผู้ที่บรรยายคู่กันไปตลอดเรื่อง เกลนเกล็นด้า คลีฟแลนด์ เพื่อนบ้านผิวดำห้องชิดกันที่ต่อสู้เพื่อความเที่ยงธรรม ซึ่งคุณโทรแจ้งถึงความไม่ปกติต่างๆที่เกิดขึ้น ตั้งแต่กลิ่นเหม็นอย่างแรงโชยผ่านช่องลม เสียงร้องขอร้อง จนกระทั่งพบกับเหยื่อเด็กอายุ 14 ชาวลาวที่หนีออกมาจากห้องของดาห์เมอร์แล้วมาสลบหน้าที่พัก คุณมานะบอกตำรวจให้เอาเด็กไปที่อื่นๆ แต่ว่าตำรวจกลับเชื่อดาห์เมอร์ว่าเป็นแฟนโฮโมของเขา แล้วก็ทำให้เด็กคนนี้เป็นเหยื่อที่อายุน้อยสุดของดาห์เมอร์ ซึ่งเปลี่ยนเป็นจุดสำคัญของเรื่องราวปัญหาความเที่ยงธรรมในอเมริกาที่เกิดสังกัดคนผิวดำที่ถูกปล่อยทิ้งสนใจ

ทั้งยังการเป็นเหยื่อหรือแจ้งเรื่องราวต่างๆก็ถูกไม่เอาใจใส่ไปซะหมด ซึ่งนี่เป็นจุดที่ซีรีส์ประเด็นนี้อยากเผยแพร่เยอะที่สุด เป็นต้นเหตุจริงๆที่ทำให้ดาห์เมอร์ก่ออาชญากรรมตลอดได้เยอะแยะถึง 17 ราย ตัวเกลนเองนอกเหนือจากที่จะเกิดเรื่องราวแทรกตั้งแต่ตอนดาห์เมอร์ยังผิดจับก็มีต่อเป็นตอนแยกโดดเดี่ยว ไปจนกระทั่งตอนสุดท้ายของซีรีส์เลยที่คุณบากบั่นจัดตั้งอนุสาวรีย์เหยื่อเพื่อผู้คนระลึกจำได้ถึงปัญหาคนผิวดำถูกนิ่งเฉยที่เกิดขึ้น รวมทั้งผลพวงทางด้านจิตใจที่ประจำตัวคุณไปทั้งชีวิต

นอกเหนือจากนี้แล้วซีรีส์ก็ยังย้ำเรื่องบิดาของดาห์เมอร์ที่มีส่วนสำคัญให้เกิดเหตุราวนี้ขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ  ซีรีย์ Netflix   ตัวเรื่องแสดงให้เห็นว่าเขาเองก็คือปัญหาหนึ่งของเรื่องเมื่อทำแต่งาน มีภรรยาน้อยจนกระทั่งบ้านแตก แล้วก็เมื่อรับทราบว่าลูกชายแปลงเป็นคนร้ายแล้ว เขาก็เองก็อุตสาหะหาต้นสายปลายเหตุไปแตกต่างกันไปจนถึงท้ายที่สุดก็แต่งหนังสือจากมุมมองของเขาเอง ที่ตั้งจิตใจถ่ายทอดให้บิดามารดาคนอื่นๆมองเห็นสัญญาณเปลี่ยนไปจากปกติเพื่อคุ้มครองการเกิดขึ้นอีก แม้กระนั้นก็เปลี่ยนเป็นโดนกล่าวหาทำมาหากินกับเหยื่อในเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนกระทั่งหนังสือก็ขายไม่ดี และก็ยังโดนตัดผลกำไรกลับไปให้เหยื่อที่ชุมนุมกันฟ้องศาลปิดทางทำเงินจากประเด็นนี้ไว้ด้วย

ความเป็นจริงสุดสยดสยองยิ่งไปกว่านี้ก็มีตอนแยกของเหยื่อหลักๆอย่างคนแรกที่ดาห์เมอร์ลงมือฆ่าอย่างไม่ตั้งใจ เรียกว่าคนโบกรถยนต์ ซึ่งกำเนิดในยุคเขาเป็นเด็ก ก่อนจะผ่านไปนับเป็นเวลาหลายปีกำเนิดกับผู้อื่นถัดมา ซึ่งมีคดีที่ทำให้เขาถูกทำโทษคุมการกระทำ 1 ปีกับคดีวางยาล่วงเกินชายหนุ่มคนหนึ่งที่บกพร่องหนีไปได้ ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยซ้ำเติมว่าปัญหาเริ่มตั้งแต่ในช่วงเวลานั้นแล้วหากแม้เขามีความผิดประจำตัว แม้กระนั้นตำรวจที่รับเรื่องจากเกลนเพื่อนบ้านกลางแจ้งมาก็ไม่สำรวจเขาเลย เพราะเหตุว่าเป็นชายผิวขาวที่ราวกับสิทธิพิเศษชนของอเมริกา กระทั่งตำรวจที่ไม่มีความสนใจเฉยเมยกลุ่มนี้ก็ลอยนวลเกือบจะมิได้ต้องโทษจากข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นตามไปด้วย

ตอนแยกของเหยื่อยังมีตอนที่น่าดึงดูดในตอน 6 เป็นเหยื่อชายหนุ่มผิวดำที่เป็นใบ้ ชื่อตอน Silenced ที่ชี้ให้เห็นประเด็นว่าอันที่จริงแล้วดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อรวมทั้งรับประทานเพราะอะไร เป็นตอนที่เหยื่อที่ชื่อโทนี่เป็นชายหนุ่มหล่อนายแบบผิวดำที่นิสัยดี มอบความรักให้แก่ดาห์เมอร์อย่างจริงใจ ตัวดาห์เมอร์เองก็ไตร่ตรองไม่ฆ่าเขาบ่อยมาก แม้กระนั้นในที่สุดก็ทนความรู้สึกว่าจะสูญเสียเขาไปมิได้ การฆ่าเหยื่อแล้วรับประทานลงไปต่างประเทศจากปลุกอารมณ์ทางเพศแล้ว อีกนับหนึ่งก็เสมือนการเก็บเขาไว้กับตัวตลอดกาล ซึ่งเหยื่อรายแรกที่ดาห์เมอร์ฆ่าก็เช่นเดียวกัน เขาป่นกระดูกแล้วโรยฝังไว้บริเวณบ้าน เพื่อมีความรู้สึกว่าเขายังอยู่ใกล้ๆเสมอ

 

Hellbound โทษทัณฑ์เมืองนรก

เรื่องราวของโลกข้างหลังกำเนิดปรากฎการณ์แปลกที่จู่ๆมนุษย์ก็ถูกระบุวันเวลาตาย แล้วก็เมื่อครบวันเวลาตามที่กำหนด มนุษย์จะถูกลงโทษจนถึงตายด้วยความสามารถของราชทูต 3 ตน ที่โผล่มาจากโลกอื่น ข้างหลังสถานะการณ์ดังกล่าวข้างต้นได้กำเนิดกรุ๊ปลัทธิหนึ่งสร้างคำชี้แจงปรากฎการณ์ที่เกิดว่า พฤติกรรมทั้งสิ้นนี้เป็นการลงโทษมนุษย์อันมีบาปด้วยความสามารถของพระเจ้า เพื่อสอนให้มนุษย์กลัวในบาปที่ตนเองได้ก่อไว้ แล้วก็ลัทธินี้ยังกระทำการป่าวร้องบาปของผู้ที่ถูกลงโทษต่อมวลชน เพื่อตอกย้ำซ้ำเติมว่าผู้ก่อบาปแค่นั้นที่ถูกลงโทษ

เมื่อชายคนหนึ่งถูกเปรตไล่ล่าซึ่งๆหน้าหมู่ชนจำนวนไม่ใช่น้อย ทำให้ผู้คนต่างกลัว ซีรีย์ Netflix   จากเรื่องราวนั้นได้สร้างความมั่นใจและความเชื่อมั่นแล้วก็เลื่อมใสต่อหัวหน้ากรุ๊ปความจริงใหม่ จองจินซู (รับบทบาทโดย ยูอาอิน) ชายผู้เรียนรู้แล้วก็กล่าวถึงการส่งสัญญาณของพระผู้เป็นเจ้าให้เหล่ามนุษย์กลัวการทำชั่ว พร้อมด้วยแนวความคิดที่ว่ามีเพียงแค่คนบาปเพียงแค่นั้นที่จะถูกสาปแช่งตกนรก เพื่อเป็นการพิสูจน์ความศรัทธาเรื่องเป้าหมายของพระผู้เป็นเจ้า กรุ๊ปความจริงใหม่ได้เสนอค่าแรงงานปริมาณเป็นอันมากให้กับพัคจองจา

สตรีที่ถูกประกาศิตว่าจะถูกพรากชีวิตไปตกนรกแลกเปลี่ยนกับการถ่ายทอดสดให้คนเห็นทั่วทั้งประเทศ ภายหลังเหตุนั้นความศรัทธาแล้วก็ความเชื่อถือต่อกรุ๊ปความจริงใหม่ก็แรงกล้าขึ้นเรื่อยผู้เห็นต่างจะถูกสังคมสบประมาท พร้อมด้วยการลงโทษอย่างใจร้ายเหี้ยมโหดการเล่าเรื่องเกี่ยวกับความเหนือธรรมชาติ สิ่งลึกลับ เมื่อปีศาจทะลุมิติออกมาไล่ล่ามนุษย์ โดยแก่นหลักของเรื่องเป็นการเสนอคำถามถึงหัวข้อระหว่างความต้องการของพระผู้เป็นเจ้ากับความมุ่งมั่นตั้งใจเสรีของคนเรา ผู้คนต่างกลัวการทำชั่ว

เนื่องจากกลัวว่าพระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษโดยการส่งเปรตมาไล่ล่าแล้วก็ส่งไปยังเมืองนรก ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า เมืองนรก แล้วก็ความหวาดกลัวถูกใช้เป็นอุปกรณ์ของกรุ๊ปความจริงใหม่คดโกงให้ผู้คนเชื่อเป็นความงี่เง่าซึ่งสามารถพิสูจน์ได้น่าฟังมีซาตานออกมาฆ่ามนุษย์ให้มองเห็นกันแบบชัดๆความเลื่อมใสแบบไร้ขีดจำกัดก็เลยสร้างความเป็นพวกพ้องในสังคม ผู้ใดกันแน่มองเห็นต่างจะถูกสบประมาทว่าเป็นพวกไม่เชื่อในพระผู้เป็นเจ้า จนถึงถูกลงลงโทษด้วยการทำร้าย ถึงกับขนาดฆ่าให้ตายกันอย่างยิ่งจริงๆ

สำหรับบทซีรีส์เรื่อง Hellbound นับว่าเขียนออกมาได้ดิบได้ดี มีจุดที่น่าดึงดูด เป็นการเล่นกับความศรัทธา ความเชื่อถือของคนเราในสังคม สามารถรับดูถึงที่เหมาะ Netflix มีปริมาณตอน 6 ตอน แม้กระนั้นสิ่งที่โชคร้ายเป็นตั้งแต่ EP 3 ถึง EP 6 เรื่องย้ำวนอยู่จุดเดิมๆมิได้ขยายเรื่องราวให้น่าดึงดูดได้มากขึ้นเท่าใดนัก เนื่องมาจากตอนเริมต้น EP 1 – EP 3 ปูเรื่องมาได้สนุกสนานน่าติดตาม แม้กระนั้นผู้แสดงหลักหายไปตั้งแต่ EP 3 ต่อไปเรื่องราวเลยวนลูปอยู่ที่เดิม การแสดงของดาราหนังในเรื่องจัดว่าทำเป็นดี ความดราม่าถูกแทรกสอดเข้าไปในทุกๆEP

เรื่องดราม่าจำเป็นต้องชูให้ประเทศเกาหลีเขาจริงๆแต่ว่าสำหรับดราม่าหัวข้อนี้มิได้ถึงกับขนาดที่ทำให้ผู้ชมร้องไห้ร้องไห้ต่อเนื่อง เรียกว่ามาอีพีละนิดละหน่อย แต่ว่าก็ทำออกมาได้เข้มข้นน่าติดตาม คุณลักษณะเด่นของหัวข้อนี้อยู่ที่กราฟิก CG ทำออกทาได้เนี๊ยบ สมจริงสมจัง นึกว่าตัวประหลาดทะลุมิติมาในโลกมนุษย์จริงๆการดำเนื่องในตอนแรกทำออกมาได้ดิบได้ดีทีเดียว

ปูเรื่องได้น่าติดตาม มีเงื่อนให้ค้นหา และก็จำต้องรอติดตามไปกับผู้แสดงตลอดระยะเวลา  ซีรีย์ Netflix   แต่ว่าอย่างที่บอกไปว่าพาร์ทอีพีข้างหลังๆความสนุกสนานน่าค้นหาเริ่มต่ำลง เพราะว่าซีรีส์มิได้ขยายจุดสำคัยอย่างสาเหตุที่ปีศาจของมาไล่ล่ามนุษย์ว่ามีสาเหตุมาจากอะไร ถึงดูเหมือนจะสร้าง Hellbound (โทษทัณฑ์เมืองนรก) ฤดูกาล 2 ต่อ แม้กระนั้นสาระสำคัญของเงื่อนเรื่องที่ใหญ่ขนาดนี้ไม่น่าทิ้งเงื่อนไปซนๆอย่างงี้ ราวกับอยู่ๆก็สร้างให้มีเปรตออกมาไล่ล่าผู้คน แต่ว่าไร้เหตุผลประกอบเงื่อนนี้เลย

 

Narco Saints นักบุญที่นาร์วัว

ซีรีส์กลุ่มสารเสพติดที่อิงว่าผลิตมาจากข้อเท็จจริง แต่ว่านักแสดงกับเรื่องราวผลิตขึ้นมาใหม่ ซึ่งบางครั้งก็อาจจะมองคล้ายกับเป็น Narcos เวอร์ชั่นประเทศเกาหลี กลับไม่ราวกับเลย แม้กระทั้งกลิ่นอายหรือการเดินเรื่อง เนื่องจาก Narcos เป็นซีรีส์ที่เอาการจริงเป็นลำดับไทม์ไลน์การเข้าจับกุมเด็ดหัวพ่อค้ายาจริงๆมาใช้โดยเพิ่มผู้แสดงดำเนินเรื่องการเข้าจับกุมเข้าไปผสมกับประวัติศาสตร์จริงๆมีการตัดภาพสถานะการณ์จริงจากสื่อต่างๆแทรกมาตลอดให้เสมือนสารคดี กลับประเด็นนี้เป็นการดำเนินเรื่องแบบเรื่องแต่งขึ้นมาล้วนๆอย่างสังเกตุได้เลย

เนื่องจากว่าเริ่มต้นแล้วก็การโฆษณาว่าทำมาจากความจริง แล้วท้าทายให้พิสูจน์ตกลงใจเองเมื่อมองจบ ก็จะต้องกล่าวว่าราวกับประเทศเกาหลีได้รับปัญหามาให้เอาอย่างเรื่องดังๆของฝรั่ง ตั้งแต่เรื่องก่อนอย่าง Seoul Vibe ที่อุตสาหะเป็นฟาสเวอร์ชั่นประเทศเกาหลี โดยเปลี่ยนแปลงแนวมาเป็นโจรกรรมซิ่งตลกขบขันๆแทน ซึ่งประเด็นนี้ก็เหมือนกันราวกับเป็นความมานะที่จะสะกดรอย Narcos แม้กระนั้นเปลี่ยนแปลงจากโหมดซีเรียสมุ่งมั่นมาเป็นอารมณ์บรรเทาให้ดูเหมือนกับว่าเฮฮาโอเวอร์นิดๆสไตล์ประเทศเกาหลี แม้ว่าจะมิได้เฮฮาแบบยิงมุกตั้งใจจริง

แต่ว่าโทนเรื่องทั้งยังดนตรีประกอบ แอ็กติ้ง บทสำหรับพูด อะไรหลายๆอย่างมันเป็นประเทศเกาหลีคะมากมาย ซีรีย์ Netflix   ซึ่งก็ไม่ผิดหากดูในมุมว่าประเทศเกาหลีทำก็จำต้องอย่างงี้ แม้กระนั้นสำหรับผู้ที่มองหาความเป็นจริงเป็นจัง อารมณ์บีบคั้นกับเรื่องราวทารุณของกลุ่มสิ่งเสพติดแบบ Narcos ก็อาจจะจำต้องผ่านไปเลย ด้วยเหตุว่ามันมิได้เลยจริงๆไม่ว่าจะดูในมุมไหนก็ตามสำคัญๆความป่าเถื่อนของประเด็นนี้น้อยมาก เป็นแทบจะทั้งยังเรื่องไม่มีฉากกลุ่มสารเสพติดทำอะไรที่ชั่วร้ายจริงๆเลย ในเรื่องที่โหดเหี้ยมแบบหั่นศพก็ถูกให้เป็นกลุ่มคนจีนในไชน่าทาวน์ของตรงนั้นแทน

ซีรีย์ Netflix 

แล้วก็ในความเป็นจริงชาวประเทศเกาหลีในซูรินามก็มิได้มีมากมายอะไรขนาดที่เป็นชุมชนได้พอๆกับจีนจริงๆด้วย เสมือนเรื่องพากเพียรแต่งให้ประเทศเกาหลีในประเทศนั้นมากกระทั่งมองกระจัดกระจายตามาเป็นลูกน้องกลุ่มได้เยอะไปหมด รวมทั้งคนมาโบสถ์ประเทศเกาหลีอีกพรึ่บด้วย ซึ่งความสมจริงสมจังของประเด็นนี้มีปัญหาตั้งแต่ทีแรกๆแล้วที่ผู้ชมสายฝรั่งมาอาจรับทราบแล้วก็สะดุดใจเป็นช่วงๆจากหลายๆอย่างที่ไม่เมคเซนส์

เปิดโลกสารเสพติดผ่านเรื่องราวของ คังอินกู (รับบทบาทโดย ฮาจองอู) หนุ่มที่ชีวิตกำลังไปสู่ตอนวิกฤตภายหลังการสมรส ด้วยความรักครอบครัวทำให้เขามองหาแนวทางเพื่อสร้างหลักประกันให้เมียรวมทั้งลูกได้มีชีวิตที่มีความสุข คังอินกูได้รับข้อเสนอจากเพื่อนพ้องให้เดินทางไปยัง ประเทศซูรินาม เพื่อทำธุรกิจประมงและก็ส่งออกปลากระเบนซึ่งเป็นวัตถุดิบที่กำลังรุ่งเรืองในตลาดประเทศเกาหลี แต่ทว่ามันกลับกลายนาทีทองที่จำต้องฆ่า อนาคต แล้วก็ครอบครัวที่รออยู่ที่ภูมิลำเนาเป็นเครื่องพนัน

ภายหลังทำธุรกิจในซูรินามไปได้ไม่นาน  greatnewtoys  คังอินกูจำต้องเจอกับจุดหักเหใหญ่ในชีวิตเมื่อถูกยัดเข้าตารางจากความผิดพลาดที่มิได้ก่อ พร้อมทั้งการมาถึงของ ชเวชางโฮ (สวมบทโดย พัคแฮซู) ข้าราชการประจำสขช.ที่เสนอให้เขาร่วมมือในกระทำการลับจับจับตัว ชอนโยฮวาน (สวมบทบาทโดย ฮวังจองไม่น) ผู้ชายที่ข้างหน้าเป็นที่เลื่อมใสในชื่อนักบุญ ถ้าแม้กระนั้นเบื้องหน้าเบื้องหลังกลับมีชื่อเสียงว่าเป็นเจ้าพ่อสิ่งเสพติดผู้มีอิทธิพลที่อเมริกาใต้ คังอินกูไปสู่ภารกิจดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเพื่อความมีชีวิตรอดของครอบครัว โดยไม่เคยรู้เลยว่าตัวเขาเองกำลังเจอหน้ากับอันตรายที่ยากเกินต่อกร

Narco-Saints เปิดเผยความน่าดึงดูดใจด้วยการถือเอาการราวของ โจบงแฮง ซีรีย์ Netflix   เจ้าพ่อสิ่งเสพติดที่เข้าไปพันพัวในคดีทุจริตแล้วแอบหนีออกมาจากประเทศเกาหลีใต้ในปี 1994 เขาเดินทางไปถึง ประเทศซูรินาม ซึ่งยังไม่มีข้อบังคับส่งตัวคนร้ายกลับประเทศ เริ่มชุบตัวสร้างฐานะผ่านโครงข่ายลักลอบค้าโคเคนไปยังอเมริกาใต้รวมทั้งยุโรปโดยใช้คนประเทศเกาหลีเป็นยานพาหนะ ก่อนที่จะโดนจับจับที่บราซิลในปี 2009 แปลงเป็นข่าวสารดังระดับนานาชาติที่ถูกเรียกว่าเป็นแรงผลักดันสำหรับเพื่อการสร้างซีรีส์หัวข้อนี้ เค้าโครงเรื่องชนิดดังกล่าวมาแล้วข้างต้นก็เลยจุดประกายความว้าวได้ตั้งแต่คำโปรยปราย